บทความน่าสนใจ

หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ใช่หุ้นพื้นฐาน

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน SET เริ่มกลับมาปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม มีหุ้นอยู่จำนวนหนึ่งที่เรียกว่าตอน SET ขึ้น กลับไม่ปรับตัวขึ้นตาม แต่ตอน SET ปรับตัวลงกลับปรับตัวลงตาม ซึ่งหนึ่งในหุ้นกลุ่มดังกล่าวนี้ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี โดยจากการที่ผมได้มีโอกาสไปงานสัมมนาในหลายๆที่ หุ้นในกลุ่มนี้ นักลงทุนหลายท่านติดอยู่ในต้นทุนระดับสูงอยู่เหมือนกัน ดังนั้นคอลัมน์ฉบับนี้ ผมจะมาพูดถึงกลุ่มนี้กันครับ และในส่วนท้ายจะสรุปแนวทางเอาไว้เพื่อแก้ปัญหาสำหรับนักลงทุนที่ติดหุ้นอยู่ในกลุ่มนี้กัน

แต่ก่อนอื่น ผมอยากทำความเข้าใจให้กับท่านผู้อ่านว่า หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีจัดอยู่ในกลุ่มพวกนี้ ไม่ใช่หุ้นพื้นฐานนะครับ ที่เราจะซื้อเฉลี่ยในขาลงได้ แต่เป็นหุ้นวัฎจักรที่มาเป็นรอบตามวัฎจักรของเศรษฐกิจ กล่าวคือ เมื่อภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ก็จะปรับตัวขึ้นได้ดี ขณะที่ในทางตรงกันข้าม หากอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจขาลง ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ก็จะปรับตัวลงตาม ดังนั้น ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ คือ ขึ้นสุดลงสุด ไม่มีคำว่าราคาแพงแล้ว หรือราคาถูกแล้ว โดยหากอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ดี ราคหุ้นจะขึ้นไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะสุดรอบการเติบโตของเศรษฐกิจรอบนั้น กลับกันราคาหุ้นจะลงแล้วลงอีก หากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลง ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพขึ้น โดยย้อนมองกลับไปในช่วงเกิดวิกฤตซับไพรม์ในปี 2008 ซึ่งเป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในรอบล่าสุดที่ผ่านมา และมาดูราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี เริ่มที่ PTT ราคาหุ้นตลอดช่วงปี 2008 ปรับตัวลงไปกว่า 54% ส่วน PTTEP ราคาหุ้นปรับตัวลง 38% IRPC ราคาหุ้นปรับตัวลงไปถึง 66% SCC ราคาหุ้นปรับตัวลงไปกว่า 55% ส่วน IVL ยังไม่ได้เข้าซื้อขายในตลาดฯ ขณะที่ PTTGC ตอนนั้นยังไม่ได้ถูกควบรวมระหว่าง PTTCH และ PTTAR (ซึ่งเกิดจาก ATC รวมกับ RRC ไปก่อนหน้านี้)  มาถึงในช่วงปัจจุบัน ซึ่งสถานการณ์ใกล้เคียงกัน แม้ยังไม่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด IMF มีการปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP โลกปีนี้ลงสู่ 3.0% จาก 3.2% ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นปี 2008 ในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยพอดี มาดูราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน หรือ YTD ราคาหุ้น PTT ปรับลง 2.7% PTTEP ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 3.5% IRPC ราคาหุ้นปรับตัวลง 42% SCC ราคาหุ้นปรับตัวลง 15% PTTGC ราคาหุ้นปรับตัวลง 29% และราคาหุ้น IVL ปรับตัวลง 46.5% ทั้งนี้ หากดูการปรับตัวลงในหุ้นกลุ่มนี้ จะเห็นว่า PTT และ PTTEP รวมถึง SCC ที่ราคาหุ้นยังปรับตัวลงไม่มาก แต่หากเศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงภาวะถดถอยจริงแล้วในอนาคตอันใกล้นี้ เราควรต้องระวังการปรับตัวลงได้ต่อ และคาดว่ามี downside อีกมากพอสมควร หากเทียบกับการปรับตัวลงในช่วงเศรษฐกิจถดถอยครั้งก่อนในปี 2008 ดังนั้นในมุมมองผม ทางด้านกลยุทธ์การลงทุนของหุ้น PTT และ PTTEP รวมถึง SCC ยังต้องเป็นการลดน้ำหนักการลงทุน หรือท่านใดมีอยู่ ให้ใช้จังหวะฟื้นตัวขายออกมาก่อน เนื่องจากผมมองเป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะถือหุ้นพวกนี้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และอาจเกิดการถดถอยได้ในอนาคตอันใกล้ ส่วน IRPC IVL และ PTTGC แม้ราคาหุ้นลงมามากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ให้นึกถึงคำกล่าวที่ผมกล่าวไว้ในช่วงต้นของบทความว่า ราคาหุ้นจะลงแล้วลงอีก หากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลง ดังนั้น ยังไม่ควรเข้าซื้อ โดยเฉพาะการซื้อเฉลี่ยเพื่อลดต้นทุนลง ไม่สมควรอย่างยิ่งในหุ้นขาลง และโดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในรอบขาลง เราจะมีโอกาสสูงมากที่จะขาดทุนเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนการมีต้นทุนสูงอยู่ในของเดิม ผมแนะนำว่า หากไม่อยากขายเพื่อรับขาดทุนจริง ไม่ใช่ขาดทุนทางบัญชี แนะนำต้องถือทนไปจนกว่าวงจรเศรษฐกิจรอบใหม่จะเกิดขึ้นครับ ซึ่งถึงตอนนั้น เราสามารถซื้อเฉลี่ยได้แล้ว ส่วนหากถามว่าเมื่อไหร่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว ผมบอกไม่ได้ครับ อย่างไรก็ตาม ผมแนะนำให้จับสัญญาณง่ายๆจากตัวแปรด้านการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากเริ่มมีทิศทางขาขึ้นแล้ว นั่นแปลว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้วครับ สุดท้ายฝากไว้ว่า หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ใช่หุ้นพื้นฐาน ซื้อเฉลี่ยในช่วงผิดทางหรือขาลง ก็มีแต่จะขาดทุนเพิ่มเท่านั้นเองครับ

และพบกันใหม่ในฉบับหน้า…ด้วยรักและหวังดี