หุ้น OR ไปต่อ หรือพอแค่นี้

ผมขอพูดถึงหุ้น Hot Hit อย่าง หุ้น OR ที่มีกระแสแรงตั้งแต่ช่วง IPO โดยภายหลังการปิดจองซื้อ พบว่ามีผู้จองซื้อรายย่อยแสดงความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก จำนวนรายการที่จองซื้อ ทั้งช่องทางการจองซื้อที่สาขาของธนาคารและช่องทางออนไลน์รวมกว่า 5.3 แสนรายการ นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของการขายหุ้น IPO ของบริษัทไทย
ทั้งนี้ ก่อนที่ผมจะมาวิเคราะห์หุ้น OR ว่าจะสามารถปรับขึ้นได้ต่อหรือไม่ หลังปรับขึ้นมาแล้วกว่า 90% จากราคา IPO ผมขอให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหุ้น OR เพื่อทำให้เรารู้จักหุ้นตัวนี้ดียิ่งขึ้น โดยลักษณะธุรกิจของ OR คือ ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ทั้งในและตปท. ซึ่งก็คือ สถานนีบริการน้ำมันปั๊มปตท. รวมถึงร้านกาแฟอเมซอน และร้าน 7-11 ที่อยู่ในปั๊มปตท.นั่นเอง ก็คือ ธุรกิจของ OR ครับ
โดยบริษัทเสนอขายราคา IPO ที่ 18 บาท และเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯในกลุ่มพลังงาน และสาธารณูปโภค ทั้งนี้ บริษัทกำหนดวัตถุประสงค์ใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO เพื่อขยายสถานีบริการน้ำมัน และร้านค้าปลีก ลงทุนคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ หุ้น OR ยังได้เกณฑ์ Fast-track เข้า SET50 และ SET100 โดยจะเข้ามาอยู่ใน SET50 และ SET100 ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์
มาถึงด้านแนวโน้มราคา ซึ่งผมขอแยกวิเคราะห์ออกเป็นด้านปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยด้านกราฟหรือทางเทคนิค มาเริ่มกันที่ด้านปัจจัยพื้นฐานก่อน ก็ต้องบอกเลยนะครับว่า ราคาหุ้น OR ที่ระดับราคาประมาณ 35 บาท (ข้อมูลราคา ณ ปิดตลาดภาคเช้าวันที่ 15 ก.พ.) เทรดบน P/E ระดับกว่า 30 เท่า และไม่ได้เทียบผลการดำเนินงานในปีนี้นะครับ แต่เทียบกับผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปีหน้า หรือปี 2565 เท่ากับราคาหุ้นในตลาดปัจจุบันสะท้อนกำไรในปลายปี 65 แล้ว ทำให้ไม่มี upside ทางด้านของปัจจัยพื้นฐาน
และหากเทียบ PEG ล่าสุดก็อยู่ในระดับสูงเกือบ 2 เท่าแล้ว (คิดจาก P/E ที่ 30 เท่า เทียบกับกำไรที่จะเติบโตในปี 65 ที่ระดับประมาณ 17% โดยอิงจากประมาณการของ Consensus จะได้สัดส่วน PEG ที่เกิดจาก 30 หารด้วย 17 ได้ค่าเท่ากับ 1.76 เท่า) โดยในมุมมองผม หุ้นที่เทรดระดับ PEG สูงกว่า 2 เท่า ถือว่ามีมูลค่าที่ตึงตัวแล้ว ดังนั้น หากหุ้น OR ไปเทรดที่ระดับ PEG 2 เท่า จะได้ราคาหุ้นอยู่ที่ 39 บาท ซึ่งผมมองว่าจะเป็นเป้าหมายราคาทางด้านปัจจัยพื้นฐาน หรือราคาระดับ 39 บาท จะเทรด P/E ที่ระดับกว่า 34 เท่า ซึ่งถือว่าสูง เมื่อเทียบกับบริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายคลึงกันที่เทรดอยู่ในตลาดต่างประเทศ อาทิ CrossAmerican Partner, Geety Realty, Marathton Petroleum, Sunoco และ TravelCenter จะเทรดที่ระดับ P/E ประมาณ 15-25 เท่า
ดังนั้น สรุปว่า หากดูทางด้านปัจจัยพื้นฐาน ราคาหุ้น OR ถือว่ามี Upside ที่จำกัดแล้ว โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ระดับราคาประมาณ 39 บาท เมื่อกำหนดให้หุ้น OR เทรดที่ระดับ PEG 2 เท่า
มาถึงการวิเคราะห์กราฟราคาหุ้นด้วยปัจจัยทางเทคนิค ซึ่งผมจะใช้ทฤษฎี Elliott wave มาคาดการณ์แนวโน้มราคาหุ้น โดยตั้งสมมติฐานว่า หุ้น OR ปรับขึ้นในรูปแบบโครงสร้างคลื่น ABC ตามรูปที่แสดง ดังนั้น เป้าหมายของราคาหุ้น OR ตามทฤษฎี Elliott wave ก็คือ เป้าหมายของคลื่น C ซึ่งตามทฤษฎีมักยาวประมาณ 100-161.8% เมื่อเทียบกับความยาวคลื่น A
โดยล่าสุดจากรูปจะเห็นว่า ราคายังติดแนวต้านบริเวณ 35.00 บาท ซึ่งเป็นระดับความยาว 100% อย่างไรก็ตาม หุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ หาแนวต้านถัดไปที่ระดับ 37-38 บาท และ 40 บาท ตามลำดับ เมื่ออิง Fibonacci ที่ระดับถัดไปที่ 123.6-138.2% และ 161.80% ดังนั้น แนวโน้มทางด้านเทคนิค จะมีเป้าหมายราคาอยู่ที่ระดับ 40 บาท ซึ่งจะเห็นว่าใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายทางปัจจัยพื้นฐานเลยนะครับ ซึ่งอยู่ที่ 39 บาท
ดังนั้น ทางด้านกลยุทธ์ เนื่องจากมี upside ทางด้านปัจจัยพื้นฐานเหลือไม่มากแล้ว ผมจึงกำหนดกลยุทธ์ OR เป็นเพียงการเข้าซื้อเก็งกำไร เพื่อรอขายบริเวณเป้า 39-40 บาท โดยมีจุดหยุดขาดทุน หากราคาหุ้นต่ำกว่า 32.50-33.00 บาท ซึ่งเป็นเส้น Uptrend line ตามรูปที่แสดง หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบในภาพรวมครับ
