SET ยังยากที่จะทำจุดสูงใหม่

ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า โดยนักลงทุนต่างชาติ Net Sell 2.2 หมื่นลบ. ส่วนสถาบันและบัญชีหลักทรัพย์ Net Sell 2.8 และ 1.6 พันลบ. ขณะที่รายย่อย Net Buy เพียงกลุ่มเดียว 2.7 หมื่นลบ.
ส่งผลให้ SET แกว่งตัวในกรอบ 1450-1500 จุด และล่าสุดเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยขึ้นยืนเหนือ 1500 จุด ด้วยความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐที่ใกล้บรรลุ และดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาอ่อนค่า ช่วยผ่อนคลายปัจจัยกดดันด้าน fund flow ไหลออก
ทั้งนี้ ในระยะถัดไป คาดว่า SET มีโอกาสปรับขึ้นมาที่แถวบริเวณ 1540-1550 จุดได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองว่าเป็นไปได้ยากที่ SET จะทำ New Highs หาก Fund Flow ไม่ได้พลิกกลับมาไหลเข้าจำนวนมาก ประกอบกับ มองตลาดหุ้นไทยอิ่มตัวในเชิง Fundamental ส่วนหุ้นรายตัวส่วนใหญ่มี Valuation ตึงตัว จึงทำให้ช่วงสั้นมองตลาดมีโอกาสผ่านจุดพีคไปแล้ว และ Upside มีจำกัด
อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกจากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และความคืบหน้าของวัคซีนจะหนุนให้ SET มี Downside จำกัดเช่นกัน
ดังนั้น ในภาพรวม ผมมอง SET จะเคลื่อนไหวออกด้านข้างอยู่ภายในกรอบระหว่าง 1450-1550 จุด ทำให้ด้านกลยุทธ์การลงทุน สำหรับพอร์ตลงทุนหลัก ความอิ่มตัวของตลาดหุ้นไทยและหุ้นรายตัว เป็นเหตุผลที่ทำให้ยังไม่น่า bullish ตลาดหุ้นไทย และยังรอสัญญาเข้าซื้อรอบใหม่ (รอ SET พักฐานอีกครั้ง หรือรอซื้อแถวกรอบล่างบริเวณ 1450 จุดลงไป)
ส่วนการเข้าตลาดช่วงนี้ ใช้การเก็งกำไร โดยใช้กลยุทธ์ Selective ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะ ดังนี้ 1) ธีม Global Play ได้แก่ EA, PTTEP, PTT, TOP ซึ่งคาดได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้น ศก. สหรัฐ 2) ธีม Cyclical กลุ่มบริการที่ราคา Laggard และ/หรือ ยังมี Upside ได้แก่ ธนาคาร (BBL), ค้าปลีก (CPALL, BJC), การแพทย์ (BDMS, BCH), ท่องเที่ยว (MINT, CENTEL) และ 3) ธีม 4Q63 Earning Play ซึ่งคาดกำไรเติบโตดี YoY ได้แก่ SCGP, CPF, TNP, SPALI, EPG, SCCC ส่วนหุ้นเกาะกระแสกัญชง เน้นโรงสกัด ได้แก่ RBF, DOD ซึ่งให้เก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง และกำหนดจุด Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ทั้งนี้ในกลุ่มหุ้น 3 ธีมหลักที่แนะนำ ผมเลือกมาเป็น 5 หุ้นที่อยากแนะนำ ได้แก่
1) PTT คาดกำไร 4Q63 เพิ่มขึ้น QoQ ตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ก็จะไม่มีการหยุดซ่อมบํารุง GSP ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจก๊าซของบริษัท
2) SCGP กำไร 4Q63 ดีกว่าคาดเพราะ margin ดีขึ้น ส่วน 1Q64 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากส่วนแบ่งกำไรโครงการ M&P ใหม่ๆ และจากปัจจัยฤดูกาล
3) SPALI คาดกำไร 4Q63 จะทำจุดสูงสุดของปี และกำไรสุทธิปี 64 คาดเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มฯ ทั้งยังมี backlog แข็งแกร่ง หนุนให้มี secured revenue ปี 65 เพิ่มเป็น 59%
4) CPALL คาดว่ากําไร 4Q63 จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ แต่จะฟื้นตัวดีขึ้น จากมาตรการภาครัฐที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม ช่วยเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภค และยังได้ปัจจัยหนุนระยะยาวจากการซื้อกิจการ Tesco
5) RBF Consensus คาดกำไร 4Q63 โต YoY จากอัตรา margin ที่ดีขึ้น และ ต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลง ทั้งยังได้ประโยชน์จากการที่ อย.อนุญาตให้ใช้กัญชงในเชิงพาณิชย์ได้